คำเตือนสำหรับผู้คัดลอก

เนื่องจากมีผู้คิดคัดลอก บทความบางส่วน หรือ บทความทั้งหมด จากเว็บบล็อก http://mountainbikedetail.blogspot.com/
ผู้ที่คัดลอกต้องแสดงการอ้างอิง หรือ ให้ลิงค์กลับมายัง เวบบล็อก ของเราหรือแสดงความจำนงที่จะนำบทความไปใช้ โดยแจ้งผ่านทางอีเมล์ หรือ ทางแฟนเพจ

มิฉะนั้น ทางเราจะแจ้งดำเนินคดี ฟ้องร้องการละเมิดลิขสิทธ์

วันอังคารที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

Top 5 จักรยานเสือภูเขาที่ราคาแพงที่สุดในปี 2017

โฆษณา



มาดูกันครับว่า Top 5 ของจักรยานเสือภูเขาที่แพงที่สุดในโลกปี 2017 มีอะไรบ้าง?


ถึงแม้ว่าปีนี้จะเป็นปี 2018 และผ่านมาครึ่งปีแล้ว แต่ยังไม่มีการประกาศรายชือหรือยี่ห้อของจักรยานเสือภูเขาประเภทใดออกมา เพราะจะประกาศกันอีกทีก็ปีหน้า 2019 โน้นแหละครับ ตอนนี้ยังมีรายการแข่งขันหลายรายการ ที่จะต้องมีการจับตามอง มีการค้นหาว่า จะมีจักรยานเสือภูเขาจากค่ายไหนบ้างที่จะเข้า win และได้รับการยอมรับจัดอันดับประจำปี ซึ่งแน่นอนว่าเราจะนำมารายงานให้ได้ทราบกันเป็นระยะๆ

สำหรับคนที่ชื่นชอบจักรยานเสือภูเขา ในเว็บไซต์ต่างๆก็จะมีรีวิว มีการให้คะแนนว่าเสือภูเขาตัวไหนดี น่าจะซื้อหา น่าจะจับจอง ซึ่งจริงๆแล้วเราอยากจะให้คุณๆท่านๆได้พิจารณาถึงความต้องการใช้งานของเราเป็นหลัก แล้วต่อมาจึงเป็นงบประมาณที่เรามี หากเราไปซื้อตามคำเชียร์หรือคำแนะนำอื่นๆแล้วจะต้องจ่ายเงินก้อนใหญ่ อาจจะไม่คุ้มค่ากับการซื้อมาแล้วจอดอยู่บ้านเฉยๆ

อืม...บางครั้งถ้าเราคิดฝันกลางวันว่า ถ้าถูกรางวัลที่ 1 สักงวด จักรยานเสือภูเขาในฝันที่อยากจะซื้อมาลองปั่นสักคัน จะเป็นคันไหนดีนะ? รู้สึกลำบากใจ แต่ลองหาข้อมูลกันเล่นๆดีกว่าว่าอันไหนยี่ห้อที่เราอยากได้

Top 5 จักรยานเสือภูเขาที่แสนแพงที่สุดในโลก


อันดับที่ 5 Cannondale F-SI Black Inc. ราคาที่ $11,000 หรือราวๆ 363,000 บาท




จักรยานเสือภูเขารุ่นนี้ เป็นรุ่นที่ทางผู้ผลิตอย่าง Cannondale ได้ประกาศว่า จักรยาน F-SI Black Inc. เป็นจักรยานที่เร็วที่สุด "fastet [sic] XC hardtail เท่าทที่เคยทำขึ้นมา" ฟังดูแล้วมันน่าจะเป็นการกล่าวอ้างที่น่าจะเคยความเป็นจริงไปสะหน่อย แต่มันก็ทำให้ผู้คนอยากรู้ขึ้นมาว่า มันจะเป็นจริงหรือเปล่า? จากนั้นยอดขายก็ตามมา!

จักรยานตัวนี้มีโช้คอัพเพียงข้างเดียว คือข้างซ้าย (lefty carbon fork) 100mm XLR , ชุดขับเคลื่อนของ Shimano XTR Di2 2×11, ชุคเบรค XTR Race และล้อ carbon ENVE M50

คนที่ซื้อจักรยานเสือภูเขารุ่นนี้ จะชอบที่การออกแบบ และชุดอุปกรณ์ที่แบบว่าจัดเต็มทุกตัว คาร์บอนคุณภาพสูง ก็คงเหมือนกับรถยนต์นั่นแหละ บางคนชอบรถซีดาน บางคนชอบสปอร์ต

อันที่ 4 Bianchi Methanol 9.1 CV ราคา $11,500 หรือราวๆ 379,500 บาท



โดยทั่วไปแล้ว  Bianchi เป็นที่รู้จักกันมากสำหรับจักรยานแบบ road bikes แต่พักหลังก็เริ่มที่จะหันมาเอาจริงกับจักรยานเสือภูเขาแบบ Hi-end กับเขาบ้าง ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่ยากที่จะติดโผในครั้งนี้ด้วย และด้วยราคาประมาณ 370,000 กว่านี้ก็เป็นราคาที่น่าจะสูงที่สุดแล้วสำหรับ Bianchi

Methanol 9.1 CV  มาพร้อมกับคาร์บอนเต็มรูปแบบและ Boost-spaced ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเฉพาะของ Bianchi ได้จดสิทธิบัตรการเป็นเจ้าของ Countervail vibration canceling technology นี้ด้วย ระบบขับเคลื่อนจะใช้ SRAM XX1 1×12 Eagle drivetrain, นอกจากนี้ยังสามารถใช้งานร่วมกับ Shimano Di2 ได้อีกด้วย

ระบบเบรคจะใช้ของ Formula R1 Racing, โช้ค 100mm Fox 32 Factory Kashima fork ใช้ล้ออัลลอย DT Swiss XR 1501 Spline 29er, ซึ่งในบางรุ่นก็จะใช้ของ Crankbrothers Cobalt

อันดับที่ 3 Felt Virtue FRD ราคา $12,500 หรือราวๆ 412,500 บาท



Felt Virtue FRD เป็นจักรยานที่มีช่วงยุบตัวของโช้คหน้า ที่ 140mm และด้านหลัง 130mm ซึ่งนับว่าเป็นระยะมาตรฐานของจักรยานเสือภูเขา ด้วย full-carbon frame มาพร้อมกับระบบ Felt’s Equilink  suspension และใช้ RockShox's Monarch RT3 Solo Air shock

ส่วนอุปกรณ์อื่นๆของ Felt Virtue FRD Shimano XTR Di2 2×11 drivetrain, XTR brakes, RockShox Reverb Stealth dropper post, and Easton Haven carbon 29er wheels.

อันดับที่ 2 Cannondale Scalpel-SI Black Inc. $12,790 หรือราวๆ 422,000 บาท



เจ้า Scalpel-SI Black Inc. เป็นจักรยานเสือภูเขาคาร์บอนเต็มสูบของ Cannondale ระบบกันสะเทือนหรือ full suspension แบบ no-holds-barred สำหรับแข่ง cross country ระยะยุบตัวของโช้คหน้า-หลังที่ 100mm

ซึ่งตัว Suspension ก็จะมาในรูปแบบของ Lefty 2.0 Carbon XLR ข้างซ้ายข้างเดียวเช่นเดียวกับรุ่นล่างๆก่อนหน้านี้  ส่วนด้านหลังจะใช้ RockShox Monarch XX ส่วนประกอบอื่นๆ ได้แก่ ระบบขับเคลื่อนของ Shimano XTR Di2 2 × 11, เบรค Shimano XTR Race และล้อ ENVE Carbon M50 ขนาด 29 "หรือ 27.5"

อันดับที่ 1 BMC fourstroke 01 XTR Di2 ราคา $13,000 หรือราวๆ 429,000 บาท



จักรยานเสือภูเขาที่มีราคาแพงที่สุดเพียงหนึ่งเดียวในโลก ซึ่งเราต้องใช้เงินในกระเป๋าถึง 4 แสนกว่าบาท ราคาพอๆกับรถยนต์ หรือ บิ๊กไบค์ที่กำลังนิยมอยู่ในขณะนี้ของบ้านเรา ก็คล้ายๆกันกับ Cannondale ในอันดับที่ 2 ที่ BMC’s fourstroke 01 เป็นจักรยานท้อปสุดของสายการผลิต หรือเรือธงของรุ่น

นอกจากนั้นยังมีสเปคที่คล้ายกันอย่างคาดไม่ถึงคือ ระบบกันสะเทือนหรือ full suspension แบบ no-holds-barred สำหรับแข่ง cross country ระยะยุบตัวของโช้คหน้า-หลังที่ 100mm แตกต่างกันที่โช้คซึ่งเจ้า BMC ใช้ Fox Float 32 SC, Factory, FIT4, Kashima fork, Fox Float DPS, Factory, Evol, Kashima rear shock.

ส่วนระบบขับเคลื่อนก็จะใช้ของ Shimano’s XTR Di2 2×11 drivetrain ระบบเบรค Shimano XTR Race brakes, ส่วนล้อเป็น 29″ BMC MWX01 Carbon ที่ผลิตโดย DT Swiss

จบลงแล้วสำหรับโผหรือการจัดอันดับจักรยานเสือภูเขาที่ราคาแพงที่สุดในโลกประจำปี 2017 ก็ยังมีอีกหลายๆคนที่ยังคลางแคลงใจว่า แล้ว Rocky Mountain ล่ะ หรือ Speaclized Epic หรือ Intense carbine 29 c หรือตัวอื่นๆที่ราคา $11,000 เช่นเดียวกันทำไมไม่ติดอันดับกับเขา

เป็นคำถามที่ยังสร้างความแปลกประหลาดใจใช่ไหม ซึ่งเราเองก็อาจจะตอบได้เพียงว่า เมื่อนำประสิทธิภาพมาเปรียบเทียบต่อราคาแต่ละแบรนด์ ตัวที่ได้รับการจัดอันดับเป็นที่พึงพอใจ ไม่ว่าจะเป็นประสิทธิภาพการใช้งานและการออกแบบ

สุดท้ายเอารุ่น S-Works Epic XX1 Eagle 2018 มาฝากครับ


โฆษณา

วันเสาร์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

Carbon vs Aluminium mountain bike แบบไหน ถามใจคุณดู?

โฆษณา


เราจำเป็นต้องมีจักรยานเสือภูเขาคาร์บอนหรือไม่?

คาร์บอน Bike

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคาร์บอนเฟรมและชิ้นส่วนจักรยานที่เป็นคาร์บอนอื่นๆ มีความสำคัญอย่างมากในการแข่งขันจักรยานเสือภูเขาที่แข่งขันกัน แต่สำหรับนักปั่นมือสมัครเล่นหรือไม่ได้คิดจะเข้าแข่งขันในรายการใดๆเลย อย่างผมหรือคุณ ก่อนที่จะตอบคำถามนี้ลองมาดูข้อดีและข้อเสียของคาร์บอนกับอลูมิเนียมกันดีกว่า

Carbon vs Aluminium mountain bike

น้ำหนัก (weight)
สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนที่สุดและเป็นสิ่งที่ดีสำหรับ carbon mountain bikes นั่นก็คือ มันมีน้ำหนักเบา จริงๆแล้วมันไม่ได้เป็นความลับอะไรมากมาย เพียงแต่เป็นสมัยนิยมเป็นสิ่งที่ทุกคนทราบดีว่า เฟรมคาร์บอนก็ต้องเบากว่าเฟรมอลูมิเนียม 


อลูมิเนียมเฟรม

จริงๆแล้ว คุณสามารถซื้อจักรยานเสือภูเขาอลูมิเนียมที่มีคุณภาพซึ่งมีน้ำหนักเบากว่าแบบคาร์บอน ถึงแม้ว่าหากเปรียบเทียบกันจริงๆแล้ว ถ้างานคาร์บอนที่มีฝีมือมีคุณภาพดีๆก็ต้องให้งานที่มีน้ำหนักเบากว่าอุปกรณ์อลูมิเนียมทั้งหลาย (งงไหม? กล่าวคือเราจะซื้อจักรยานอลูมิเนียมที่น้ำหนักเบาได้ แต่ก็ต้องระดับแพงสูง เมื่อเปรียบกับงานคาร์บอนทั่วไป แต่สำหรับเกรดคาร์บอนดีคุณภาพดีกว่านี้ ก็ย่อมจะดีกว่าอยู่แล้ว)

ข้อดีของการขี่จักรยานน้ำหนักเบา คือ มันสามารถทำความเร็วได้ดีกว่าจักรยานแบบอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนที่เรากำลังขึ้นทางชันหรือขึ้นเขา (uphills) นั่นเอง จักรยานเบายังง่ายต่อการเร่งและเปลี่ยน lines dynamic ได้ดีกว่า นั่นเป็นเหตุผลที่ผู้ขับขี่จักรยานแบบ cross-country ยินดีที่จะจ่ายไม่ว่าจะแพงขนาดไหน

Aluminium mountain bike 


แล้วจักรยานเสือภูเขาแบบคาร์บอนมันดีกว่าจริงๆหรือ? 

อืม...มันมีฟิสิกส์ที่เรียบง่ายบอกเราว่าจักรยานที่หนักกว่าจะผลักดันให้คุณลง (down) ไปได้ดีกว่า ซึ่งในที่ที่มีความต้านทานทางอากาศ หมายความว่าคุณไปได้เร็วขึ้น นอกจากนี้จักรยานที่เบาเกินไปอาจกลายเป็นสิ่งที่ยากเย็นที่จะควบคุมมันให้อยู่ได้ในภูมิประเทศที่ขุรขระ

นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่คุณจะเห็นผู้ขับขี่ enduro และ downhill จำนวนมาก มั่นใจและนั่งอย่างองอาจบนจักรยานเสือภูเขาเฟรมอลูมิเนียมหรืออัลลอยด์ของเขาหรือเธอ

ความแข็ง (Stiffness)

คุณภาพของเส้นใยคาร์บอนมีความแข็งแรงมากกว่าอลูมิเนียมและเหล็กกล้าที่มีน้ำหนักเท่ากันถึง 2 ถึง 5 เท่า มันจึงมีความหมายที่สำคัญสำหรับนักปั่นแบบ cross-country ที่น้ำหนักและความแข็งจะส่งผลให้มีความเร็วควบคุมได้ดี ทั้งยังตอบสนองต่อการปั่นได้ดี

แต่ความแข็งก็ไม่ได้หมายความว่าดีนักแม้แต่สำหรับผู้ขับขี่ที่เข้าแข่งขันกัน ผู้ขับขี่ enduro / trail และ downhill จำนวนมากเลือกเฟรมอัลลอยด์เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและการอะลุ่มอะล่วยต่อสภาพภูมิประเทศซึ่งเป็นประโยชน์ต่อรูปแบบการขี่ของพวกเขา

ความแข็งแรงและความทนทาน (Strength and Durability)

ความแข็งแรงของคาร์บอนไฟเบอร์และอลูมิเนียม เป็นคำถามที่ยุ่งยาก? มันทำให้หวนถึงวันที่ได้เห็นจักรยานเสือภูเขาเฟรมคาร์บอนแตกซึ่งบางคนอาจจะมองไปที่ความไม่คงทนของมัน มันจึงทำให้ทุกคนในวงการจักรยานรู้ดีว่าเฟรมคาร์บอน เป็นอะไรที่แตกหักเสียหายได้ง่าย (เอาไปเปรียบกับความแข็ง Stiffness ไม่ได้นะครับ เหมือนเราเอาช็อคโกแลตไปแช่ช่องฟรีส มันจะแข็งแบบนั้น ไม่ใช่ความแข็งแรงเพราะมันยังเปราะบางหักได้อยู่ดี)



ดังนั้นคาร์บอนจึงเป็นสูตรการผสมของวิศวกรการผลิตอีกทีหนึ่งว่าจะต้องผสมสารอะไรลงไปบ้างเพื่อให้มันแข็งแรง ส่วนใหญ่จะเอาไว้ใช้สำหรับการแข่งแบบ cross-country กัน

ด้วยตัวมันเองแล้วคาร์บอนจะแตกและเปราะมาก แต่ด้วยการขึ้นรูปวัสดุที่เรียกว่าอีพ็อกซี่เรซิน บริษัทชั้นนำสามารถเพิ่มความเหนียวและความทนทานเพื่อให้เฟรมคาร์บอนไฟเบอร์มีความแข็งแรงมากขึ้น ทุกวันนี้ท่อบนของจักรยานเสือภูเขาแบบ enduro และ trail mountain bikes มีขนาดที่หนาและสามารถรองรับกับแรงกระแทก ขณะที่ยังคงมีน้ำหนักเบามาก

อย่างไรก็ตามทั้งสองวัสดุที่แตกต่างกันมีวิธีการที่แตกต่างกันมากของความล้มเหลว คาร์บอนจะแตกและเปราะหัก ในขณะที่อลูมิเนียมจะบุ๋มลงในครั้งแรกจากนั้นมันก็จะงอ และพังในที่สุด

พึงจำไว้ว่า "คาร์บอนนั้นเวลามันเสียหาย มันจะเกิดขึ้นทันทีและไม่มีการเตือนล่วงหน้า เหมือนกับอลูมิเนียม เพราะอลูมิเนียมนั้น มันจะบุ๋มและจากนั้นจะงอ ซึ่งเราจะเห็นได้และรู้ก่อนที่มันจะพัง"




อีกทฤษฎีหนึ่งบอกเราว่าในขณะที่เฟรมคาร์บอนไฟเบอร์จะมีอายุการใช้งานไม่สิ้นสุด, อลูมิเนียมมักจะมีอายุการเก็บรักษาเนื่องจากข้อเท็จจริงที่ว่าวัสดุนี้จะเสื่อมสภาพไปตามเวลา วันนี้หลายบริษัทรับประกันอายุการใช้งานในเฟรมอัลลอยซึ่งอาจหมายความว่าความกังวลเหล่านี้หายไปนานแล้ว

สรุปว่า การที่คุณได้เห็นจักรยานเสือภูเขาหรือ road racing เกิดความหักเสียหายนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นมาจากเฟรมคาร์บอน ในทางกลับกันคุณจะได้เห็นความเสียหายเหล่านี้จากเฟรมอลูมิเนียมน้อยมาก

ราคา (Price)

แม้ว่าในขณะนี้เฟรมคาร์บอนจะมีราคาที่ถูกลงกว่าสมัยก่อนแล้ว แต่มันก็ยังมีราคาที่สูงกว่าจักรยานเสือภูเขาที่ทำจากอลูมิเนียมอยู่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงคุณภาพและปริมาณ ไม่ใช่แค่กรอบที่เรากำลังพูดถึงอยู่ที่นี่ มันยังมีจานหน้า, บาร์, เบรค, ผ้าเบรค, ล้อ และ สตีม ซึ่งเป็นตัวตัดสินใจในราคาที่แตกต่างกัน

เฟรมจักรยานเสือภูเขาที่ทำจากคาร์บอนมีราคาแพงกว่าอลูมิเนียม ยกตัวอย่างเช่น ล้อคาร์บอนจะแพงกว่าล้ออลูมิเนียมถึง 7 เท่า!! ยิ่งเป็นล้อคาร์บอนที่หล่อและคิดค้นทำมาจากมือ (hand-made carbon rim) ก็ไม่อยากจะคิดราคาหากต้องเทียบกับล้ออลูมิเนียม และแน่นอนว่า คาร์บอนส่วนใหญ่จะต้องเป็นงานหล่อด้วยมือ เพราะต้องใช้ความละเอียดความรู้และชำนาญของช่าง




แล้วคุณยังต้องการจักรยานเสือภูเขาคาร์บอนหรือไม่?

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเฟรมคาร์บอนไฟเบอร์และส่วนประกอบอื่นๆ สามารถปรับปรุงประสิทธิภาพการขี่ได้ นั่นสำหรับมืออาชีพ แล้วแบบสมัครเล่นล่ะ มันเหมาะสมกับเราหรือไม่?

คุณต้องการความเร็วหรือ? จักรยานที่หนักจะทำให้คุณรู้สึกช้าลงเมื่อคุณกำลังขึ้นทางชัน เว้นแต่ว่าคุณเป็นนักปั่นแข่งประเภทที่บ้าพลัง neck-and-neck แบบหายใจรดต้นคอคนอื่น คุณก็อาจจะไม่เห็นความแตกต่างมากนัก

คุณจะได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นโดยการลดน้ำหนักของร่างกายและเพิ่มสมรรถภาพ การขับขี่จักรยานไม่กี่ปอนด์ไม่ได้เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการไล่ล่าความเร็ว

ในส่วนของความแข็งแรงและความแข็ง (strength and stiffness) ยังเป็นเรื่องยากที่จะนำมาตัดสิน (โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณขี่เส้นทาง enduro) ว่าจะต้องเป็นของที่มีราคาแพง จักรยานเสือภูเขาอลูมิเนียมระดับไฮเอนด์สามารถทำได้ดีกว่า หากเทียบกับคาร์บอนคุณภาพต่ำ ถึงแม้ว่าทั้งสองจะมีน้ำหนักและมีราคาใกล้เคียงกันก็ตาม

ถ้าจะถามความคิดเห็นของผม, ผู้ที่ไม่ได้สนใจจะเข้าแข่งขันชิงถ้วยรางวัลรายการใด ไม่ซีเรียสคิดมากที่จะต้องปั่นจักรยานน้ำหนักเบากว่าชาวบ้านเพียง 2 ก.ก ผมก็จะเลือกแบบกลางๆ ที่สามารถทำความเร็วได้ตามผมอยากจะทำ (ปั่นหนีหมา) หรือปล่อยไหลไปตามแรงเฉื่อยชื่นชมธรรมชาติข้างทาง อลูมิเนียมเกรดดีๆก็สุขใจ

แต่ถ้าสำหรับคุณ ถ้าคุณชอบความเร็ว มีเงินและยอมรับมันได้เวลาเกิดหักหรืออุบัติเหตุเสียหาย ก็ยอมรับเสียเถอะครับว่า คุณคือสายคาร์บอน

โฆษณา

วันพุธที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

การเลือกซื้อ groupset สำหรับจักรยานเสือภูเขา ราคาเทียบกับประสิทธิภาพ

โฆษณา


Groupset สำหรับจักรยานเสือภูเขา คืออะไร?และมีอะไรบ้าง?


groupset สำหรับจักรยานเสือภูเขาเป็นชุดขับเคลื่อนนั่นเอง นับตั้งแต่จานหน้า, หัวกระโหลก, จานหลัง, โซ่, ตีนผี,

จานหน้า (crankset) จะมีทั้งหมด 3 ประเภท คือ 

  • แบบ 3 จาน (Triple) เป็นจานหน้าที่เก่าแก่คลาสสิคที่สุดแล้ว โดยจะประกอบไปด้วย 3 chainrings เริ่มจากขนาดใหญ่ที่พบเห็นมากที่สุด คือ 42- หรือ 44 ฟัน ถัดมาเป็นแบบกลาง ขนาด 32 หรือ 34 และมีขนาดเล็กที่สุดภายในวงแหวนมักเป็นฟัน 22 หรือ 24 ฟัน จานชุดนี้จะเป็นชุดที่ใช้ตั้งค่าเกียร์ที่กว้างที่สุดและมีความซ้ำซ้อนอย่างมีนัยสำคัญในแง่ของอัตราทดเกียร์ การเปลี่ยนเกียร์ตบเกียร์ จานหน้าจะต้องทำอย่างไรให้ถูกต้อง ทำให้โซ่ไม่บิดมากเกินไป (ตามที่เคยกล่าวไว้ในการใช้เกียร์ของจักรยานเสือภูเขานั่นเอง)
  • แบบ 2 จาน (Double) แบบนี้เป็นที่นิยมมากที่สุดสำหรับจักรยานเสือภูเขา เมื่อ SRAM และ Shimano นำเสนอระบบขับเคลื่อนแบบความเร็วสูง 10 สปีด ซึ่งมีความซับซ้อนน้อยกว่าแบบ 3 จาน วงแหวนขนาดเล็ก (22 ถึง 28 ฟัน) ในขณะที่ฟันเฟืองขนาดใหญ่มีเกียร์ที่เหมาะสำหรับการขี่ที่เร็วขึ้น (34- ถึง 36 ฟัน) จานแบบนี้จะพบมากในจักรยานเสือภูเขาระดับเริ่มต้นไปจนถึง high-end
  • แบบจานเดียว (Single) เป็นเทรนที่สำคัญที่สุดในระบบขับเคลื่อนสำหรับจักรยานเสือภูเขาในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เป็นการปรับปรุงไปสู่ก้าวใหม่ๆของระบบขับเคลื่อนที่หลากหลายกว้างขึ้นในรูปแบบของจานหน้าเพียงจานเดียว เรียกได้ว่า "1x" ได้รับความนิยมจากจักรยานเสือภูเขาประเภท downhill ซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้ช่วงเกียร์ขนาดใหญ่และความปลอดภัยของโซ่ (นั่นคือไม่มีโซ่หลุดออก) เป็นสิ่งที่สำคัญมาก หลังจากการเปิดตัว XXAM ของ SRAM นำเสนอกรุ๊ป 1x11 และ 1x12 กลายเป็นบรรทัดฐานสำหรับจักรยานเสือภูเขาระดับสูงถึงระดับกลาง

หัวกระโหลก (Bottom bracket)
เป็นท่อที่มีตลับอยู่ข้างในมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าจานหน้าเลยทีเดียวเพราะมันทำหน้าที่เป็นตัวหมุนจานหน้านั่นเอง 

จานหลัง (Cassettes)
จานหลังจะมีหลากหลายให้เลือกใช้ เช่นเดียวกับ จานหน้า (crankset) การเลือกใช้ จานหลัง มักถูกกำหนดโดยรูปแบบและราคาของการขี่จักรยาน จานหลังสำหรับจักรยานเสือภูเขาสามารถพบได้ 7 ถึง 12 สปีด โดยฟันเฟืองที่เล็กที่สุดและใหญ่ที่สุดเพื่อระบุช่วงรวมทั้งหมดเช่น 11-32t หรือ 10-50t

นอกเหนือจากจักรยานแบบ Downhill ซึ่งมักใช้จานหลังแบบช่วงแคบ ในขณะที่จักรยานเสือภูเขาทั่วไปจะใช้จานหลังที่มีช่วงกว้าง (เกียร์เยอะ สปีดเยอะ) เพื่อช่วยในการปีนเขาได้ง่ายขึ้น ช่วงที่พบมากที่สุด ในจักรยานที่มีจานหน้า (cranksets) สองหรือสามคือ 11 ถึง 34 หรือ 36 ฟัน 

ในขณะที่จานหน้าเดียว หรือ Single-ring drivetrains จะกว้างมากขึ้นโดยมี Drivetrains ของ SRAM's XX1,  X01 ความเร็ว 12 จังหวะ 10-50t  ในขณะที่ Shimano มีช่วง 11-46T ในกลุ่ม 1x11 SLX  และ XT และยังขนาด 10-51t ในกลุ่ม XTR

ตีนผี (Derailleurs)
Derailleurs เป็นส่วนประกอบที่เคลื่อนย้ายโซ่ระหว่างฟันเฟืองบนจานหน้าและจานหลัง แต่ละแบรนด์มีการออกแบบของตัวเอง แต่หลักการโดยทั่วไปจะเหมือนกัน เมื่อกด shifter ดึงหรือปล่อยสายเคเบิลซึ่งจะขยับ derailleur ทำให้โซ่หลุดออกและเปลี่ยนตำแหน่งใหม่ในเกียร์อื่นๆ



ตัวสับเกียร์ (Shifters)
ตามที่กล่าวไว้ก่อนหน้านี้คันโยกหรือสับเกียร์จะใช้ในการเปลี่ยนเกียร์ที่ derailleurs ของจักรยาน ซึ่งยี่ห้อ Shimano และ SRAM ใช้การออกแบบที่แตกต่างกัน และวิธีการเฉพาะของแต่ละตัว ในขณะที่กลไกแตกต่างกันทั้ง SRAM และ Shimano มี 'trigger shifters' ที่คล้ายกัน 

ถ้าแปลตามศัพท์อาจจะทำให้เข้าใจว่า 'trigger shifters' นี้เวลาจะสับเปลี่ยนเกียร์ต้องใช้นิ้วชี้เป็นตัวเปลี่ยน แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เพราะกลับใช้นิ้วโป้งในการเปลี่ยน ซึ่งเหตุผลน่าจะเป็นเพราะมันทำได้ง่ายกว่าและสะดวกกว่า (แต่สำหรับ Road bike ก็ยังใช้สับไกแบบนิ้วชี้อยู่) 

SRAM มีระบบ 2 ระบบคือ Trigger และ Grip Shift ระบบทริกเกอร์เป็นเรื่องปกติมากขึ้น ฟังก์ชั่น Grip Shift นั้นจะใช้หมุนที่ปลอกแฮนด์แทน แต่ว่าตอนนี้มันไม่ค่อยมีให้ใช้สักเท่าไหร่ (เริ่มล้าสมัย) แต่ในจักรยานประเภท cross-country ก็ยังใช้มันอยู่ เนื่องจากระบบมีน้ำหนักเบาและช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนตลับได้อย่างรวดเร็ว

Shimano's Di2 อิเล็กทรอนิกส์ shifters ยังนำแหวนเข้าไปใส่ในเทคนิคนี้ของพวกเขาด้วยมันเป็น electronic switches มากกว่าจะเป็นแบบ mechanical components หรือแค่กลไก ซึ่งหมายความว่าคันโยก Di2 สามารถปรับแต่งและตั้งโปรแกรมให้ทำงานได้ในลักษณะที่ไม่สามารถใช้กับคันโยกทั่วไปได้ 

ตัวอย่างที่ดี คือเทคโนโลยี Synchroshift ของ Shimano ซึ่งจะช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถใช้คันโยกเพียงคันเดียวเพื่อควบคุมตัวขับขี่ด้านหน้าและด้านหลังได้ ไม่ต้องมีตัวสับเกียร์ทั้ง 2 ข้าง

ทีนี้มาถึงเรื่องการเลือกซื้อ groupset สำหรับจักรยานเสือภูเขาบ้าง

ส่วนประกอบส่วนใหญ่ groupsets แตกต่างกันไปในแต่ละระดับราคา ซึ่งราคาแพงก็จะดีมากๆ แต่มันจำเป็นหรือไม่ที่จะต้องใช้แต่ของแพงๆ? เรามีหลักเกณฑ์ในการเลือกต่อไปนี้



น้ำหนัก (weight)

Keith Bontrager นักสร้าง components แบรนด์ Bontrager ที่มีชื่อเสียงได้กล่าวไว้ว่า "Strong Light Cheap ให้เลือกมา 2" 

ความได้เปรียบของจักรยานเสือภูเขาที่มีน้ำหนักที่เบา (Light) ก็คือ มันจะทำความเร็วได้ดีและเบรคได้เร็วกว่าจักรยานที่หนักกว่า และถ้าเรากำลังมองหาชุด drivetrains สำหรับจักรยานเสือภูเขา หรือแม้กระทั่งจักรยานที่สมบูรณ์แบบ การเลือกรุ่นที่มีน้ำหนักเบาก็จะทำให้ต้องเพิ่มเงินทุน

ตัวอย่างความแตกต่างระหว่างตัวท้อปทั้ง 2 รุ่นของ Shimano คือ  XT และ XTR อยู่ที่ประมาณ 230 กรัม (ไม่รวมเบรคและหัวกระโหลก) ในขณะที่ความแตกต่างระหว่างเรือธง SRAM XX1 Eagle และ X01 Eagle น้ำหนักจะอยู่ที่  46g (ไม่รวมเบรคและหัวกระโหลก) 

ความแตกต่างของน้ำหนักเหล่านี้เป็นผลมาจากวัสดุราคาแพงและการขัดเกลาตกแต่ง หรือใช้เวลานานกว่าในกระบวนการผลิต ชิ้นส่วนที่มีราคาแพงกว่ามักใช้วัสดุ เช่น เส้นใยคาร์บอน, ไทเทเนียมอะลูมิเนียมน้ำหนักเบา และแบริ่งเซรามิคเพื่อให้ได้น้ำหนักต่ำสุด

ความทนทาน (Durability)

แน่นอนว่า หากเราต้องเงินเพิ่มขึ้นในส่วนของ Groupset เราก็ต้องคาดหวังว่าอุปกรณ์ต่างๆ พวกเทพๆเหล่านี้จะคงทนอยู่กับเราจนรู้สึกว่ามันคุ้มค่ากับเม็ดเงินที่จ่ายไป 

ซึ่งความคงทนก็ต้องมีค่าใช้จ่าย แต่ประสบการณ์ของเราคือความทนทานยังมีให้เลือกแบบที่ไม่ต้องจ่ายเงินซื้อรุ่น เรือธงระดับท้อปมาก กล่าวคือถ้าเป็น Shimano ก็จะอยู่ในระดับ XT แต่ถ้าเป็น SRAM ก็ใช้รุ่น XO1 

เรื่องความทนทานนั้น อาจจะกลับกันกับน้ำหนักเบา เพราะเราไม่ต้องจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อซื้อความทนทาน และในขณะเดียวกัน ของน้ำหนักเบาจะใช้งานได้ไม่นาน (งงไหมครับ?) เพราะมันทำมาเบาบาง พอใช้งานมากๆไม่ถึงปี อาจจะสึกหรอไปมาก สำหรับคนที่ต้องแข่งขัน สิ่งเหล่านี้อาจจะต้องเปลี่ยนเมื่อแข่งไปแล้ว 2-3 ครั้งทีเดียว

อุปกรณ์ทนทานก็จะเป็นพวก จานหน้าและจานหลังนี่แหละ ที่ส่วนใหญ่จะเป็นเหล็กที่มีน้ำหนักมากกว่า แต่คงทนมากขึ้น ในขณะที่รุ่นที่มีราคาแพงกว่าจะทำด้วยอลูมิเนียมและไททาเนียมน้ำหนักเบา แต่ก็จะเปราะบางกว่า



ประสิทธิภาพ (Performance)

ก็คงจะหนีไม่พ้นของแพงก็ย่อมใช้ได้ดี เช่น ตีนผี จะให้การเปลี่ยนเกียร์ที่ราบรื่นแม่นยำและรวดเร็วขึ้นระหว่างขับขี่ หรือ electronic gears ที่เป็นมาตรฐานใหม่ ก็จะมีความแม่นยำและความเร็วสูงสุดด้วยการกดปุ่มง่ายๆ 

ตัวอย่างประสิทธิภาพอีกประการหนึ่งคือ การเพิ่มความแข็งของชิ้นส่วน จานหน้า เพื่อให้มีการถ่ายโอนกำลังที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นจากแป้นเหยียบไปยังล้อหลัง 

คุณลักษณะเพิ่มเติม (Additional features)
นอกเหนือจากการนำเสนอเฟืองพิเศษแล้วกลุ่มที่มีราคาแพงกว่าจะเสนอคุณลักษณะเพิ่มเติม ระบบกันสะเทือนตีนผีด้านหลัง (Clutch-equipped rear derailleurs) ที่มีชุดคลัทช์ด้วย เช่น Shadow Plus จาก Shimano หรือ Type-2 จาก SRAM เป็นตัวอย่างของเทคโนโลยีที่นำเสนอในกลุ่มระดับกลางและระดับไฮเอนด์

คลัทช์ช่วยให้โซ่ตึงซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในสภาพที่ขุรขระ หรือ การทำงานที่เงียบ และลดโอกาสที่โซ่จะหลุด แต่เรื่องคุณลักษณะเพิ่มเติมนี้บางครั้งบางอย่างก็เยอะเกินไปจนรู้สึกว่ามันเป็นฟังก์ชั่นที่งี่เง่าหรือเอาแต่จะให้ความสบายมากเกินไป เช่น การใส่ตัวเลขเกียร์มาให้ตรงตัวสับเกียร์ ซึ่งการมอบประสบการณ์ที่ดีให้นักปั่นนั้น ก็น่าจะเปลี่ยนเกียร์จากความรู้สึกของตัวเอง มากกว่าการก้มไปมองดูตัวเลขว่าควรเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยนเกียร์ดี


โฆษณา

วันเสาร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

Intense Cycles นำเสนอ The Alloy Spider จักรยานเสือภูเขาในราคาที่ไม่แพง ปี2018

โฆษณา


ไอ้แมงมุม จักรยานเสือภูเขาราคาประหยัด Intense Cycles the Alloy Spider 


Intense Cycles ได้กลับมาปัดฝุ่นให้กับจักรยานเสือภูเขาร Spider 27.5″ ในเวอร์ชั่น Alloy อีกครั้ง โดยเป็นการผสมผสาน เฟรมอัลลอยและชุดอุปกรณ์แบบมาตรฐานที่ราคาไม่แพงมากนัก, ซึ่งพวกเขาได้ตั้งชื่อให้มันว่า “Foundation”

ที่บอกราคาไม่แพง มันราคาเท่าไหร่ พอเห็นราคาที่ตั้งไว้ที่ $2,399 ซึ่งนับว่าราคาไม่แพงเลยสำหรับจักรยานเสือภูเขาแบรนด์ชั้นนำระดับโลกแบบนี้ และเป็นจักรยานแบบ boutique mountain bikes คือ บูทีค หรือ มีระดับจะอะไรก็แล้วแต่ (สำหรับผมแล้ว ผมก็ยังว่าแพงอยู่น่า)

สาเหตุเพราะมีการรายงานจากสำนักข่าวต่างๆว่า ตลาดจักรยานเสือภูเขาในอังกฤษมีการแข่งขันทางด้านราคากันมากขึ้น เรียกว่า รุนแรงเลยทีเดียว และแน่นอนว่า จักรยานเสือภูเขาจากอเมริกาในตลาดอังกฤษแล้วราคาสูงมาก

นี่คือเหตุผลที่ทำให้ พวกเขาได้กลับมาคิดและรื้อฟื้นจักรยานเสือภูเขาที่ตัวเองสะใหม่ และคิดราคาใหม่ด้วยให้มันถูกลง ซึ่งเป็นอะไรที่ผิดปกติมากสำหรับแบรนด์ดังอย่าง Intense และไม่ต้องสงสัยหรอกว่าสำหรับราคานี้ นักปั่นทั่วโลกจะฮือฮากันขนาดไหน


สำหรับราคาจักรยานรุ่น Top ของ Spider ซึ่งก็คือ Spider SL มาพร้อมกับกรอบคาร์บอน และโช้คอัพ จะมีราคาขายปลีกอยู่ที่ $2,499 ดอลล่าร์เท่านั้น เพราะราคานี้ แพงกว่าจักรยานเสือภูเขาระดับเริ่มต้นที่จำหน่ายในตลาดเพียงแค่ $100 ดอลล่าร์ (นั่นคือ มันจะแพงกว่าจักรยานเสือระดับล่างหรือสำหรับมือใหม่แค่ 3,000 พันกว่าบาทเท่านั้น อืม...ถ้าพูดแบบนี้ นับว่าสนใจมากสำหรับเฟรมคาร์บอน)

The Spider Alloy Foundation มาพร้อมกับระยะของโช้คอัพหน้าที่ 140 mm และโช้คอัพหลังที่ 130 mm และไอ้แมงมุมดำรุ่นนี้ใช้ยางขนาด 27.5 นิ้ว, tube angle ที่ 67 องศา น้ำหนักที่สมบูรณ์แบบสำหรับเฟรมนี้อยู่ที่ 7.76lbs. หรือประมาณ 3.52 กิโลกรัม (โอ้! เผลออุทานออกมา)

ส่วนรุ่น The Alloy Foundation มาพร้อมกับระบบโช้คอัพ RockShox Revelation RC Solo Air fork และ ด้านหลังจะใช้ RockShox Monarch RL ระบบขับเคลื่อนคือ SRAM 1 × 11 mash-up ของ GX และ อุปกรณ์ NX ที่มาพร้อมกับเซ็ตหัวกระโหลกอย่าง Race Face Aeffect

ส่วนระบบเบรคจะเป็นชุดของ Shimano BL M506 stoppers และจะใช้  X-Fusion Manic dropper สำหรับปรับอานได้อย่างมากที่สุดคือ 150 มม. ส่วนล้อจะใช้ของ Race Face AR 27 กับยาง Maxxis 27.5×2.35″ Forekaster tires ใช้ฮับของ Boost-spaced hubs.



มองดูรายการอุปกรณ์แล้วก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่แค่จักรยานเสือภูเขาที่มองข้ามไปได้เลย มันน่าสนใจอย่างมาก

จักรยานรุ่นนี้ยังไม่วางจำหน่ายนะครับ จะพร้อมวางจำหน่ายในวันที่ 18 เดือนกุมภาพันธ์ปีนี้

โฆษณา

วันจันทร์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2561

เปิดตัวจักรยานเสือภูเขา รุ่นใหม่ปี 2018 ALL-NEW 2018 SPECIALIZED EPIC

โฆษณา



จักรยานเสือภูเขาปี 2018 New SPECIALIZED EPIC

Specialized มีประวัติศาสตร์อันยาวนานในการแข่งรถแบบ cross-country เริ่มจาก Ned Overend ได้รับชัยชนะแชมป์โลกครั้งแรกในปี 1990 จนมาถึง Jaroslav Kulhavý ที่เข้าสู่เส้นชัยได้รับเหรียญทองโอลิมปิค 



และต่อมาอีกไม่นาน Annika Langvad และ Sam Gaze ก็ได้รับรางวัล Rainbow Stripes ในสาธารณรัฐเช็ก ก็นับได้ว่า The Epic เป็นจักรยานเสือภูเขาที่ครองถ้วยแชมป์โลก, เหรียญทองโอลิมปิค และชนะมาได้หลายสนาม และทาง Specialized ก็ยังคงปรับปรุงค้นหาวิธีที่จะทำให้เครื่องจักรตัวนี้มุ่งสู่ชัยชนะที่มากขึ้นไปอีก และ The 2018 Epic นี้ก็จะยังคงความเบา, ชาญฉลาดและเร็วกว่าที่เคยเป็นมา

 Lighter (ความเบาที่เหนือกว่า)
  • ตอนนี้ S-Works Epic มีกรอบที่มีน้ำหนักเบาซึ่งเบากว่าปีที่แล้ว ประมาณ 345 กรัม และแบบ Non S-Works frames หรือที่ไม่ใช่เฟรม S-Works จะมีน้ำหนักที่ 525 กรัม (มากกว่าหนึ่งปอนด์) ซึ่งก็ยังเบากว่าปีก่อนนี้
  • Epic ใหม่ใช้เทคโนโลยี Rider-First Engineered ซึ่งจะนำ layups ที่ไม่ซ้ำกันและรูปทรงท่อสำหรับทุกเฟรมตั้งแต่ขนาดเล็กไปใหญ่พิเศษมาคิดค้นใหม่ เป้าหมายคือ เพื่อให้นักปั่นที่มีขนาดร่างกายที่ไม่เหมือนกัน ได้รับประสบการณ์ขับขี่ที่เหมือนกัน 

Smarter (ความชาญฉลาด)
  • Brain Shock ได้รับการพัฒนามานานกว่าทศวรรษ ด้วยวัตถุประสงค์ในการกำจัด lockout levers, extra cables และ remotes. The Brain ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อนักปั่นไม่ต้องกังวลในระบบโช้คอัพและมีสมาธิโฟกัสอยู่กับทางข้างหน้ามากขึ้น 
  • The 2018 Epic มากับฟังก์ชั่น Brain 2.0 ซึ่งเป็นระบบสมองที่ได้รับการออกแบบใหม่ซึ่งสร้างขึ้นจากรุ่นก่อนๆ ถูกย้ายไปอยู่ใกล้กับเพลาล้อหลังทำให้รู้สึกตอบสนองได้ดีขึ้น การเปลี่ยนแปลงเส้นทางท่อส่งน้ำมันและพอร์ตน้ำมันภายในช่วยเพิ่มความราบลื่นมากขึ้นในขณะที่ขับขี่และเพิ่มความมั่นคงได้ดีขึ้น
Faster (เร็วมากขึ้น)
  • จากเส้นทางการแข่งขันแบบ Cross-country ได้กลายเป็นความท้าทายมากขึ้นและตอนนี้ต้องใช้จักรยานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าที่เคย The 2018 Epic มีระยะเอื้อมที่ยาวกว่า (longer reach) และใช้สตรีมที่สั้นกว่า (shorter stem) รุ่นก่อนหน้า ระยะของ head tube angle ต่ำกว่าเดิม 1.5 องศา โดยรวมเป็นองศาแบบ aggressive ประมาณ 69.5 องศาด้วยกัน
  • Specialized ได้ละทิ้งการออกแบบ FSR ที่เป็นที่นิยมของพวกเขาด้วย ซึ่ง new Epic นี้จะเป็นการใช้โช้คอัพหลัง แบบ single pivot มันไม่ใช่เพียงแค่การลดน้ำหนักให้เบาลงเท่านั้น แต่มันทำให้จักรยานกระด้างมากขึ้น, และมีประสิทธิภาพมากขึ้นในขณะที่เหยียบ
  • เพื่อป้องกันไม่ให้ head tube angle หย่อนหรือต่ำเกินไป (slack) ทำให้ล้อหน้ารู้สึก ยวบยาบ หรือ ที่ฝรั่งเรียกว่า “floppy” นักวิศวกรของ Specialized ก็ตัดสินใจปรับออฟเซ็ทของโช้ออัพหน้ามาที่ 42 มม. จึงทำให้ไอ้เจ้า Epic ตัวใหม่นี้เสถียรมากขึ้น และยังรักษาอัตราค่าต่างๆที่ทำไว้อย่างดีในตอนทดสอบได้อย่างสม่ำเสมอไม่ว่าจะเป็นตอนปีนเขาและเข้าโค้ง

Women’s models (โมเดลสำหรับผู้หญิง)
Specialized เป็นบริษัทผลิตจักรยานที่ให้ความสำคัญสายการผลิตจักรยานเสือภูเขาสำหรับผู้หญิงมาอย่างตลอด และต้องการออกแบบรถจักรยานให้ออกมาเหมาะสมแบบสมบูรณ์แบบสำหรับผู้หญิงด้วย 

The women’s Epic จะมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของกริบที่เล็กกว่า, บาร์ที่เล็กกว่า, หัวกระโหลกที่สั้นกว่า และอานเฉพาะของผู้หญิง จักรยานสำหรับผู้หญิงจะมีการออกแบบกรอบหรือเฟรมในรูปแบบเดียวกัน อย่างไรก็ตามมีเฟรมอลูมิเนียมขนาดเล็กพิเศษสำหรับสุภาพสตรีด้วย 

สุดท้าย Epic ของผู้หญิงมีโช้คอัพที่เบาและมีการปรับจูน spring curve ซึ่งการปรับแต่งการเปลี่ยนแปลงนี้จะเปลี่ยนทั้งโช้คหน้าและหลัง 



คุณลักษณะเพิ่มเติม
  • Epic S-Work models จะใช้เฟรมคาร์บอน Fact 12m carbon frames ในขณะที่ non S-Works models จะเป็น Fact 11m frames (ไม่ใช่คาร์บอน) รวมทั้งเฟรมอลูมิเนียม M5 พร้อมเทคโนโลยี D'Aluisio Smartweld ก็มีให้เลือก
  • ทุกรุ่นจะใช้ Bottom Brackets แบบเกลียว, Boost hub และใช้โช้คขนาด 100 มิลลิเมตร ทั้งหน้าและหลัง 
  • เฟรมทั้งหมดของ Epic ถูกสร้างขึ้นด้วย RockShox/Specialized Micro Brain shock และมีคุณลักษณะ AUTOSAG ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถออกตัวได้อย่างรวดเร็ว
  • เฉพาะรุ่น 29 × 2.3 "จะใช้ยาง Fast Trak ที่มี GRIPTON
  • รุ่น S-Works, Pro และ Expert ใช้โช้คอัพของ RockShox SID 29 พร้อมเทคโนโลยี Brain
  • ผู้ขับขี่สามารถซื้อเฟรม S-Works พร้อมกับ Brain shock และโช้คอัพได้ ช่วยให้ผู้ขับขี่สร้างรถจักรยานที่เหมาะสำหรับตนเอง
  • ราคามีตั้งแต่ $2,800 ถึง $10,100

วันอาทิตย์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2561

Trek Slash จักรยานเสือภูเขายี่ห้อไหนดี ปี 2017

โฆษณา

Trek Slash จักรยานเสือภูเขาที่ดีที่สุดประจำปี 2017


เป็นการให้รางวัลจักรยานเสือภูเขายี่ห้อไหนดี ปี 2017 จากเว็บไซต์ Pinkbike.com: Pinkbike Award ให้แก่ Trek Slash การเลือกจักรยานเสือภูเขายี่ห้อที่ดีแห่งปีไม่ใช่เรื่องง่ายและการเลือกผู้ชนะปี 2017 ก็ไม่มีข้อยกเว้น 

แม้กระทั่งหลังจากการคัดเลือกรายชื่อผู้เข้าแข่งขันที่เข้ารอบทั้งหมด 5 รายไปแล้วยังคงมีการอภิปรายที่มีชีวิตชีวาเกี่ยวกับรูปแบบใดที่ควรได้รับรางวัล ซึ่งเป็นสัญญาณว่าการแข่งขันที่ตึงเครียดในปีนี้ได้เป็นอย่างดี แต่ที่เราทุกคนรู้กันดีว่า จะมีเพียงผู้ชนะเพียง 1 เดียวเท่านั้นและในปีนี้รางวัลสำหรับจักรยานเสือภูเขาของ Pinkbike's สำหรับปี 2017 ตกเป็นของ Trek Slash

The Slash ได้รับการปรับปรุงใหม่ทั้งหมดเลยในปีพ. ศ. 2560 และในการปรับเปลื่ยนที่สร้างความแปลกใจให้กับผู้ขับขี่จำนวนมาก เพราะ Trek ได้ปล่อยเสือภูเขาล้อขนาด 29 นิ้วมาโดยเฉพาะ มันเป็นการบอกใบ้ไปยังนักปั่นทั่วโลกนะครับว่า อะไรกำลังจะมา? เพราะในปีนี้นั้น เราจะได้เห็นจักรยานเสือขนาดใหญ่ ที่มาพร้อมกับล้อ 29 นิ้วมากขึ้นในตลาด หรือที่เรียกว่ากันว่า long travel 29ers นั่นเอง 



Trek ไม่ได้หยุดนิ่งเมื่อออกแบบ Slash ให้มี head angle อยู่ 65 องศา ระยะยุบตัวของโช้คของด้านหลังอยู่ที่ 150mm of rear travel และเฟรมคาร์บอนที่มีระดับความแข็งมากๆ ซึ่งมักสงวนไว้สำหรับจักรยานประเภท downhill bikes.

นับว่าเป็นจักรยานเสือภูเขาที่รวมเอาเทคนิคการขับขี่ของแต่ละสภาพถนนมาบดรวมกันไว้ในจักรยานคันเดียว เหมือนกับนักรีวิวเสือภูเขาของ Pinkbike ที่ชื่อ Mike Kazimer ได้กล่าวไว้ว่า  "มันเป็นจักรยานที่ทำให้คุณคิดว่าจะต้องมีให้ได้ ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม หรือไม่ว่าจะเจอเส้นทางที่โหดแค่ไหน ก็ต้องมีมัน เส้นทางที่สูงชันเกือบ 90 องศา หรือเส้นทางที่กว้างมองเห็นขอบโค้งของถนนได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะกรณีใดq เจ้า The Slash ก็ไม่เคยจะรีรอที่จะทะยานออกไป"

แน่นอนว่าตัวเลขทางเรขาคณิต (geometry) ของ Slash จะหมายความว่านี่ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการเดินทางบนเส้นทางที่มีสีสัน แต่โชคดีที่ไม่มีอะไรในกฎที่ระบุว่า "จักรยานแห่งปีจะต้องเป็นทางเลือกที่เป็นประโยชน์และดีที่สุดสำหรับทุกคน" 

และมันก็ไม่ได้ถูกยึดเป็นแบบอย่างของจักรยานประเภท 'aspirational' (ความใฝ่ฝันหรือปรารถนา) แต่มันทำให้นักปั่นอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวย(เช่นในเมือง) ได้ฝันถึงภาพที่พวกเขาได้โลดโผนโจนทะยานไปตามป่าเขา, โขดหิน ซึ่งไม่ทำให้ห่อเหี่ยวกับสภาพเดิมๆอีกต่อไป




และนี่คือคำนิยามของ Trek Slash จาก Pinkbike
The Slash's blistering speed and downhill wizardry helped propel it to the front of the pack in the battle for Mountain Bike of the Year, along with the fact that it's a sign of the future in both the enduro and the DH race worlds. There's no doubt that 29ers have left their awkward adolescent stage far behind, and in 2017 it was the Slash that epitomized just how capable they've become.
(ความเร็วราวกับฟองอากาศของ Slash และ การลงเขาได้ราวกับมีเวทมนต์ของมัน มีส่วนให้มันได้มีโอกาสเข้ามาอยู่แถวหน้าของ Mountain Bike of the Year  พร้อมกับความจริงที่ว่ามันเป็นสัญลักษณ์ของอนาคตทั้งใน Enduro และโลกการแข่งขัน DH ไม่ต้องสงสัยเลยว่า 29ers ได้ทิ้งรุ่นอื่นๆที่น่าอึดอัดใจของพวกเขาไว้เบื้องหลังและในปีพ. ศ. 2560 มันก็ได้เป็น Slash ที่เพอร์เฟ็คมีความสามารถมากขึ้น)


วันเสาร์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2561

เหตุผลที่ทำไมจักรยาน Fat Bike ควรเป็นจักรยานของคุณเท่านั้น

โฆษณา

จักรยาน Fat Bike ควรเป็นจักรยานของคุณเพียงคนเดียวหรือไม่?

จักรยาน Fat Bike พวกนี้หนักเกินไป/ เชื่องช้า/ งุ่มง่าม การดูแลรักษาน่าจะยุ่งยาก ในสายตาของพวกคุณมันเป็นอย่างนั้นจริงหรือไม่? จักรยาน Fat Bike ประเภทไหนกันที่จะได้เข้ามาอยู่ในใจของนักปั่น ซึ่งตรงนี้ก็ต้องขอบอกว่า คุณจะต้องลองปั่นมัน แล้วคุณก็จะได้รู้คำตอบว่าเป็นจักรยานเสือภูเขาล้อบิ๊กเบิ้มที่จะถูกใจคุณหรือไม่? และคุณอยากจะครอบครองมันหรือไม่?

บทความนี้เป็นเรื่องราวของ David Gould นักเขียนและนักปั่นจักรยานของ singletrackworld.com ที่หลงไหลกับ Fat Bike ซึ่งจะมีเรื่องราวดีๆมาแบ่งปันและมุมมองของ Fat Bike ที่เราอาจจะไม่เคยรู้ ติดตามกันดีกว่า ยี่ห้อจักรยาน Fat Bike ในบทความนี้จะเป็นยี่ห้อ Surly The Ice Cream Truck ครับ


1. ไม่มีจักรยานเสือภูเขาใดๆที่จะปีนป่ายได้ดี
คุณคิดว่าจะสามารถปีนผาหินของ Watendlath ซึ่งอยู่บน Borrowdale Bash ได้หรือไม่? หรือ zig zags ไปบนสูงชันของ Keppel Cove ขณะที่คุณมุ่งหน้าสู่ Helvellyn? สะพานที่สูงชันที่ไม่สามารถขึ้นไปยังบน Skiddaw ซึ่งดูเหมือนจะสูงชันและชันมากขึ้นคุณจะขึ้นไปได้หรือไม่? (ถ้าคิดสภาพก็คงจะเป็นภูเขาสูงของไทย ซึ่งจะต้องเป็นเส้นทางที่ขุรขระหรือโหดมากๆ)

ความสูงชันจะเป็นตัวผลักดันให้คุณมองหาสิ่งที่จะมาช่วยให้คุณขึ้นไปได้ดีขึ้น ถ้าคุณคลั่งไคล้การทำลายความหฤโหดความยากลำบาก สิ่งที่คุณจะต้องทำคือฝึกฝนและมองหาเทคนิคดีๆ เช่น ใช้เกียร์แบบ 20T granny ring, การปล่อยลมยางหลังให้อ่อนลง, การวางก้นให้อยู่บนตำแหน่งของจมูกอาน ซึ่งค่อนมาทางท่อบน มันทำให้คุณรู้สึกเหมือนตัวเองมีไอพ่นหรือหอยเทอร์โบ, การเหยียบบนบันไดแบบไม่ต้องแรงนักในส่วนที่ลาดชันน้อยกว่า ทั้งนี้ก็เพื่อตั้งสติให้คืนมา ซึ่งมันอาจจะทำให้เราสำเร็จบ้าง แต่มันก็ทำให้เรารู้สึกว่าเราจะต้องต่อสู้และขบคิดอยู่เสมอในขณะที่อยู่บนจักรยาน มันไม่ได้ผ่อนคลายหรือทำให้สนุกเลยสักนิด

การนำ fat bike ที่มีล้อเกิน 3 กิโลกรัมต่อข้าง ใช่คุณอ่านไม่ผิดหรอก! เราจะใช้น้ำหนักเบาไม่ได้ น้ำหนักทั้งจะหายไปเองตอนที่เรากำลังปั่นและอยู่ในแรงเหวี่ยงเวลาที่ขึ้นลงภูเขา ยางสี่หรือห้านิ้วจะให้ประสิทธิภาพที่ดีมากๆ น้ำหนักของล้อที่กล่าวมาจะทำให้คุณไม่พลิกหรือล้มง่ายๆเวลาที่กำลังปีนป่าย ความรู้สึกเวลาที่กำลังเพื่อนของคุณซึ่งกำลังตามหลังมาด้วย เสือภูเขาแบบ Enduro มันเป็นอะไรที่บรรเจิดมาก

2. มันจะทำให้เส้นทางของคุณขยายใหญ่ขึ้น
จะเกิดอะไรขึ้นถ้าฉันบอกคุณว่ามีทางยาวหลายพันกิโลเมตรที่รอการสำรวจ ซึ่งหมายความว่าเรามีชายฝั่งหลายพันกิโลที่จะสำรวจหรือเชิงเขาที่ไม่มีใครกล้าจะเข้าปั่นจักรยาน เพราะอะไรน่ะเหรอ? เพราะจักรยานธรรมดา พาคุณไปตามชายหาดที่มีแต่ทรายไม่ได้น่ะสิ แต่สำหรับ Fat Bike คุณจะไปได้โดยที่ไม่มีอะไรมาเป็นอุปสรรค

3. ช่วยเปิดเส้นทางใหม่ๆให้คุณโดยที่ไม่ต้องใช้ความพยายามให้มากมาย
คุณจะรู้สึกประหลาดใจมากๆกับเส้นทางต่างๆที่เพื่อนของคุณชวนไป แล้วคุณสามารถทำได้ดีกับเจ้า Fat Bike ด้วยความที่ล้อมันใหญ่ เช่น 5 นิ้ว คุณจะทำความเร็วได้แบบที่คุณไม่คาดคิดว่าจะทำได้ ช่างเป็นประสบการณ์ที่น่าทึ่งมากๆ

4.ถ้าคุณชอบ bikepacking และ touring ยินดีต้อนรับสู่จักรยานสุดยอดสำหรับการผจญภัยบนแผนที่ของคุณ
จากด้านบนที่ได้กล่าวมา คุณก็รู้แล้วว่า จะมีเส้นทางไหนบ้างที่คุณไม่เคยไป และคุณก็สามารถไปได้ ใช้วันหยุดสัก 1 สัปดาห์กับทริประยะยาวของคุณวางแผนการเดินทางด้วยความตื่นเต้น แล้วทดลองดูว่าจักรยานเสือภูเขาธรรมดาหรือ ทัวร์ริ่ง จะบุกตะลุยได้อย่าง Fat Bike คันนี้ของคุณหรือไม่?
สำหรับ bikepacking, ทุกคนรู้ดีว่าคุณต้องมีล้อขนาด 29er ใช่มั้ย? สำหรับการครอบคลุมระยะทางใหญ่ๆ แต่ถ้าต้องบรรทุกสัมภาระอะไรๆอีก มันก็จะลดประสิทธิภาพลงไป ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะไม่เกิดกับ Fat Bike



5.ทำความคุ้นเคยกับเพื่อนใหม่ ๆ
"ฉันมีเพื่อนมากพอขอขอบคุณคุณมาก" ถ้าคุณไม่มีแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตในรูปแบบของฤาษี การมีเพื่อนใหม่ไม่เป็นเรื่องเลวร้ายเพราะเป็นการเพิ่มประสบการณ์ชีวิตของคุณและทำให้คุณได้สัมผัสกับตัวละครใหม่ทุกรูปแบบ

เมื่อฉันเป็น “fat-curious”, ซึ่งอยู่กึ่งกลางระหว่างการยังไม่มีรถเป็นตัวเองกับพึ่งจะซื้อมันมาปั่น ฉันมักจะเข้าไปที่บล็อกจักรยานหรือเว็บบอร์ดเกี่ยวกับ Fat Bike และหนึ่งในบรรดาที่ฉันรู้จักก็คือ Bruce Mathieson aka Coastkid, เพื่อนร่าเริงอย่างไม่น่าเชื่อที่มีความรักในการขี่จักรยาน Fat Bike และมีที่อยู่ใกล้เคียงกัน

เมื่อได้ครอบครอง Fat Bike สิ่งหนึ่งที่เราจะเป็นคือ การได้ปั่นจักรยานในสถานที่ใหม่ๆ ไม่อยากจะเชื่อว่าฉันจะได้มีโอกาสปั่นจักรยานที่ชายหาดซึ่งอยู่อีกทางหนึ่งของบ้าน การขี่ชายฝั่งและการสำรวจซากปรักหักพังของสงครามโลกครั้งที่สองได้ทำให้ความสนใจของฉันในประวัติศาสตร์ท้องถิ่นและทำให้ฉันปั่นต่อไปกับสถานที่ใหม่ๆเพื่อเรียนรู้และสร้างประสบการณ์



วันศุกร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2561

ยี่ห้อจักรยานเสือภูเขาที่นิยมมากที่สุดไม่เฉพาะในไทยแต่ทั่วโลก

โฆษณา

ยี่ห้อจักรยานเสือภูเขาที่นิยมสำหรับนักปั่นจักรยานทั่วโลก


จักรยานเสือภูเขาในปัจจุบันมีการออกแบบมาอย่างน่าอัศจรรย์ มีน้ำหนักเบา, แข็งแรงและไหลลื่นกว่าที่เคย เมื่อเราชาวนักปั่นมีโอกาสได้ครอบครองจักรยานเสือภูเขาที่มีประสิทธิดีก็จะทำให้คุณได้รับประสบการณ์ที่ดีกว่าเคยเป็นมาแน่นอน

การตัดสินใจเลือกซื้อจักรยานเสือภูเขามันอาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายดายนัก เพราะว่ามียี่ห้อหรือบริษัทผู้ผลิตจำนวนมากที่นำเสนอผลิตภัณฑ์ของตนให้คุณได้พิจารณาเลือกสรรซึ่งแน่นอนว่ามันก็ต้องขึ้นอยู่กับงบประมาณที่คุณมี

จริงๆแล้วการเลือกซื้อจักรยานเสือภูเขาที่ดีที่สุดก็คือ การทดลองขี่ในแต่ละรุ่นที่คุณสนใจ (test drive ซึ่งในต่างประเทศน่าจะมีแต่ในไทยไม่แน่ใจว่ามีหรือไม่) ดังนั้นเราไม่สามารถแนะนำให้คุณใช้รายการจักรยานเสือภูเขาที่ดีที่สุดนี้นำไปตัดสินใจเป็นสิ่งที่จะต้องซื้อ แต่เราต้องการให้คุณนำไปเป็นไกด์ไลน์หรือพื้นฐานการประกอบการตัดสินใจ ซึ่งมันจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่คุณจะได้จักรยานเสือภูเขาที่ดีที่สุดสำหรับคุณ

รายชื่อยี่ห้อจักรยานเสือภูเขาที่นิยมที่สุดมีดังต่อไปนี้

1. Giant
Giant Manufacturing Co. Ltd. เป็นผู้ผลิตจักรยานชาวไต้หวันที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้ผลิตจักรยานรายใหญ่ที่สุดในโลก เป็นจักรยานที่ได้รับความนิยมไม่ใช่แค่ที่ไต้หวันในอเมริกาหรือยุโรปแม้แต่ประเทศไทยก็ได้ยินชื่อนี้มานาน ซึ่งความคิดเห็นของผู้ใช้ส่วนใหญ่ประทับใจในประสิทธิภาพ, ความทนทาน, ความเบา ขอยกตัวอย่างมาสัก 2-3 ตัวอย่างสำหรับความคิดเห็นของผู้ใช้
First Ride: 2018 Giant Anthem 29

I have a " Giant Trance X3 2013 " And it is amazing! The forks are very smooth, the rear suspension works amazing going downhill, and on the climbs, it hardly goes down, which makes it so good! The gears are perfect also.
(ฉันมีรุ่น " Giant Trance X3 2013 " ซึ่งมันน่าประทับใจมากๆ โช้คอัพหน้าเป็นอะไรที่ราบลื่น, โช้คอัพหลังก็ทำงานได้อย่างดีมากสำหรับดาวน์ฮิล, และการปีนป่ายนั้นก็เป็นอะไรที่ไม่เคยแพ้ใครซึ่งมันดีมากๆ เกียร์ก็สุดยอดเช่นกัน)
I got a entry level giant talon 27.5 4 and it is an amazing bike. Giant does great on all levels of bike. Giant bikes are worth a lot more than they cost. My talon is 700 dollars and is probably worth a 900 dollar trek or specialized
(ฉันเพิ่งซื้อ giant talon 27.5 4 ซึ่งเป็นรุ่นสำหรับมือใหม่ซึ่งมันเป็นจักรยานที่ยอดเยี่ยมมากๆ Giant มีจักรยานที่เหมาะกับทุกระดับ และก็คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป สำหรับจักรยานรุ่น Talon ของฉันมีราคาที่ 700 เหรียญ และมันคงจะมีคุณภาพเทียบเท่า จักรยานราคา 900 เหรียญ อย่าง Trek หรือ Specialized ได้อย่างสบายเลย)
 2. Trek
Trek Bicycle Corporation เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายจักรยานรายใหญ่ภายใต้ชื่อ Trek, Electra Bicycle Company, Gary Fisher, Bontrager, Diamant Bikes, Villiger Bikes ตั้งแต่ปี 2008, LeMond Racing Cycles และ Klein
ส่วนใหญ่คำติชมของจักรยานเสือภูเขาของ Trek จะยาวมาก แต่ละคนดูเหมือนตั้งใจจะแสดงความเห็นที่ช่วยให้คนเข้ามาอ่านได้ข้อมูลมากขึ้นสำหรับ Trek และแน่นอนว่าใครที่อยากรู้รายละเอียดเพิ่มเติมก็เข้าไปอ่านได้ครับ
Trek's 2018 Fuel EX 9.9 29

I may only be a lightweight girl but in my opinion it makes a bike harder to fit me properly. I tried a Mongoose, Diamondback and a Huffy and they could not be adjusted to give me a good ride. My Trek came to me perfectly tuned for my frame and weight. Believe me I am hard on it and it gives me a smooth ride without wearing me out. The Huffy especially gave me blisters and made me sick of riding I never thought a brand of bike would make so much difference but I learned that fit is everything. Even after many miles of hard riding I want to keep going. Trek sold me, I love mine and will never own another brand if they paid me to ride it.
(ฉันเป็นผู้หญิงที่ตัวเล็กและน้ำหนักเบาซึ่งมันยากมากเลยที่จะหาจักรยานเสือภูเขาที่ออกแบบมาเหมาะสมกับฉัน ฉันมี Mongoose, Diamondback และ  Huffy และพวกมันไม่สามารถปรับเปลี่ยนเพื่อให้ฉันนั่งได้ดีเลย และ Trek ก็ทำได้พวกเขามีการปรับจูนเฟรมและน้ำหนัก ซึ่งไม่เชื่อก็ต้องเชื่อมันทำให้ฉันขับขี่ได้อย่างสบายไม่ทำให้ฉันรู้สึกเหน็ดเหนื่อยโรยราเลย ไม่เหมือน Huffy ที่ทำให้ฉันล้มป่วยไม่สบายทุกครั้งหลัวจากที่ขี่มัน ฉันไม่เคยคิดเลยว่า ยี่ห้อของจักรยานจะมีผลสามารถสร้างความแตกต่างอะไรได้ขนาดนี้ แต่ฉันได้เรียนรู้ว่าพอดีคือทุกอย่าง ถึงแม้ว่าต่อไปนี้หนทางอาจจะมีความยากลำบากแต่ฉันก็จะพยายามทำให้ได้ ฉันรัก Trek และจะไม่เปลี่ยใจไปเป็นแบรนด์อื่นถึงแม้ว่าพวกเขาจะจ่ายเงินให้ฉันก็ตาม)
I'm from Myanmar which is not so popular. I am 13 now and I want a good bike because my first bike is a total disaster which is Diamondback it made me fell again and again because of some failures of the bike so it make me lost confidence of riding bikes. After a year my parents bought me a Trek 3700 but I'm still scare of bikes so they said that this bike is better than your other bike. So I rode my bike later that afternoon and I was scare but later I begin to like riding bikes thanks to Trek.
(ฉันมาจากเมียนมาร์ ซึ่งอาจจะไม่ใช่ที่นิยมนักสำหรับจักรยานเสือภูเขา ฉันอายุ 13 และตอนนี้ก็ต้องการจักรยานดีๆสักคันเพราะจักรยานคันแรกของฉันเสียหายไปจากภัยพิบัติเป็นยี่ห้อ Diamondback มันทำให้รู้สึกแย่กับจักรยานและมันทำให้ฉันรู้สึกเสียความมั่นใจที่จะกลับมาขี่มันอีกครั้ง หลังจากนั้น 1 ปี พ่อแม่ของฉันซื้อ Trek 3700 ให้ แต่ฉันก็ยังคงกลัวที่ขี่มันอยู่ดี พ่อแม่บอกกับฉันว่าจักรยานนี้ดีมากดีกว่าจักรยานที่ลูกเคยมีเสียอีก ดังนั้นฉันขี่มันอีกครั้งในตอนบ่ายซึ่งอย่างน้อยก็ยังกลัวอยู่ดีและจากนั้นไม่นานฉันก็กลับมาชื่นชอบการขี่จักรยานอีกครั้ง ขอบคุณนะ Trek)
3. Specialized
Specialized Bicycle Components, Inc.,หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า Specialized Bicycle เป็นผลิตภัณฑ์จักรยานและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องซึ่งเป็นแบรนด์ของอเมริกา ซึ่งไม่มีนักปั่นคนไทยคนไหนไม่รู้จักเสือภูเขายี่ห้อนี้ จะด้วยการออกแบบที่สวยงาม ประสิทธิภาพที่ดี จึงเป็นจักรยานในฝันของหลายๆคนแน่นอน
Specialized Enduro 2017

Have owned Trek, Diamondback, Specialized, and have ridden about everything. Specialized just knows how to put together a good bike. Over all they are faster, last longer, shift better... Some argue they are more expensive, but they actually offer a lot of entry-level type bikes that are cheaper than the equivalent bike made by other brands. THUMBS UP!
(ฉันมีจักรยานหลายยี่ห้อเลย เช่น  Trek, Diamondback, Specialized และ ก็ขี่มากหลายๆยี่ห้อแล้ว Specialized รู้วิธีการสร้างจักรยานให้ออกมาดี เรียกได้ว่า เร็วขึ้น, ใช้งานได้นานขึ้น, และเกียร์ที่ดี บางคนเถียงว่าเพราะมันมีราคาแพงมากไงถึงได้ออกมาดี ไม่เลยนะ Specialized ก็มีจักรยานสำหรับนักปั่นมือใหม่เหมือนกันราคาไม่แพงด้วย ซึ่งฉันขอยกนิ้วให้)
Specialized has always been more focused on two things;the best frame for the money and better parts where riders are most likely to have problems. So rather than put their/your money into a step up derailleur or some other flashy part, they look at upgrading parts like bottom brackets/crank arms and rims, the parts that are most likely to fail.
(ปกติแล้ว Specialized จะโฟกัสไปที่จุดสำคัญ 2 จุดนั่นคือ เฟรมที่ดีที่สุดที่นักปั่นจะจ่ายได้และอุปกรณ์ต่างๆที่ดีซึ่งนักปั่นส่วนใหญ่จะมีปัญหา ดังนั้นแทนที่จะให้ความสนใจหรือให้คุณจ่ายเงินสำหรับชุดเกียร์เฟืองหลังหรืออุปกรณ์อื่นๆ พวกเขามองไปที่ bottom brackets/crank arms and rims, ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่นักปั่นส่วนใหญ่มักจะไม่สนใจ)
4. Cannondale
The Cannondale Bicycle Corporation, เป็นบริษัทในเครือของ Dorel Industries ในประเทศแคนาดาซึ่งให้บริการการผลิตจำหน่ายจักรยาน สำหรับคนไทยอาจจะไม่รู้สึกคุ้นหู แต่สำหรับคนที่ชื่นชอบจักรยานมากๆก็มักจะเคยได้ยินได้เห็นรูป และมีคนที่ปั่นในเมืองไทยพอผ่านๆตาอยู่บ้าง

 Cannondale Jekyll Carbon

Cannondale is a bike you can not go wrong with there awesome for jumping and downhill mountain bike tracks there a light bike lighter then giant and all the others so if I was you I would go with the cannondale they have very good peddling and yea go get your cannondale there awesome! And the cannondale I ride is a 27.5 very good can't go wrong
(Cannondale เป็นจักรยานที่คุณจะไม่ผิดหวังเลยไม่ว่าจะจั๊มป์หรือขี่แบบดาวน์ฮิลมันยอดเยี่ยมมาก เป็นจักรยานที่มีน้ำหนักเบา เบากว่า Giant หรือแบรนด์อื่นๆเสียอีก ถ้าผมเป็นคุณ ผมจะเลือก Cannondale ซึ่งอาจจะกล่าวได้ว่ามันขายดีมากและคุณก็จะรู้ว่ามันยอดสักแค่ไหน สำหรับ cannondale ของผมนั้นเป็นรุ่น  27.5 ซึ่งขี่ดีมากๆ)
I have a Cannondale Trail SL4, love it love it love it! You can't beat the frame. It does so much more than hold the parts together. It makes you comfortable which is what I checked with diamond back, specialized, Giant, GT, Scott, Marin, Novarra, and so many more. Cannondale jumped out at me as being so comfortable and rugged. I have so much control and feel like I am on a magic carpet ride. Parts are from good to great. No regrets
(ฉันมี Cannondale Trail SL4 และรักมันมาก เฟรมที่คุณไม่คาดคิดว่าจะมียี่ห้อทัดเทียมได้ มันเป็นอะไรที่มากไปกว่าการยึดส่วนต่างๆไว้ด้วยกันนะ มันทำให้คุณรู้สึกสบายซึ่งเป็นสิ่งที่ฉันได้ตรวจสอบแล้วกับ Giant, GT, Scott, Marin, Novarra และอื่นๆ อีกมากมาย Cannondale นำฉันไปสู่ความสบายและห้าวหาญ ฉันรู้สึกว่าการควบคุมทำได้ง่ายและรู้สึกราวกำลังนำอยู่บนพรมมหัศจรรย์ อะไหล่มีตั้งแต่ดีไปจนถึงดีมาก ไม่มีอะไรที่ต้องผิดหวังหรือคิดมาก)
5. Santa Cruz
Santa Cruz Bicycles เป็นผู้ผลิตจักรยานเสือภูเขาระดับไฮเอนด์ซึ่งตั้งอยู่ที่ซานตาครูซแคลิฟอร์เนีย พวกเขาสนับสนุนทีม Santa Cruz Syndicate ซึ่งเป็นทีมแข่งรถแบบดาวน์ฮิลล์ด้วย

Santa Cruz V10 29er

Santa Cruz all the way. I've also got a Marin, a Giant & trek but nothing comes close. The geometry of the 2013 Superlight frame is superb & single pivot is easy to maintain in the muddy slop here in Yorkshire UK. Don't be fooled by the name it's built like a tank!
Santa Cruz อยู่ในใจเสมอ ฉันยังมี Marin, Giant & Trek แต่ไม่มีอะไรมาทำให้ฉันเปลี่ยนใจ  ด้วยรูปทรงเรขาคณิต (Geometry)ของกรอบ Superlight 2013 มันเป็นอะไรที่เยี่ยมมาก ดูแลรักษาง่ายมากในสภาพที่มีแต่โคลนใน Yorkshire UK อย่าหลงกลล่ะเพราะชื่อมันก็บอกอยู่ว่าสร้างมาเหมือนรถถัง!
I have a fully customised Superlight. The frame is a decade old now and still commands admiration from many people. I have some high end kit bolted to it and with a total weight of just a fraction over 11kg it flies along dirt track and climbs like a mountain goat. Killer bike and still smashes many newer models from the bigger manufacturers
(ฉันมี Superlight แบบกำหนดเองได้อย่างเต็มที่ เฟรมที่จริงแล้วมีอายุถึงสิบปีแล้วและยังคงได้รับคำชมเชยจากคนจำนวนมาก ด้วยความที่ฉันชุดอะไหล่ต่างๆแบบไฮเอนด์เมื่อนำมาประกอบกันแล้วน้ำหนักก็ราวๆ 11 กก. มันบินไปตามเส้นทางสกปรกเต็มไปด้วยโคลนและปีนขึ้นเหมือนแพะภูเขา จะว่ามันเป็น Killer bike และยังคงทำลายโมเดลใหม่ๆ จากผู้ผลิตรายใหญ่ด้วย)
6. GT
 GT Bicycles ออกแบบและผลิตจักรยานถนนจักรยานเสือภูเขาและจักรยาน BMX เดิมทีในสหรัฐอเมริกา และตอนนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม บริษัทในแคนาดา Dorel Industries ซึ่งทำการตลาดแบรนด์ Cannondale, Schwinn, Mongoose, IronHorse, Dyno และ RoadMaster; ทั้งหมดที่ผลิตในเอเชีย

GT Helion Carbon Pro

I started out on GT steel frame bikes in the 90s and still riding one today. My first GT I still have an use it as a cross bike and I have a full suspension. I'm 59 and enjoyed riding my GTs anytime I can, there very sturdy and dependable thanks to the well engineered frame design.
(ฉันเริ่มต้นการปั่นจักรยานด้วย GT เฟรมเหล็กในปี 90 และยังปั่นมาจนถึงปัจจุบันนี้ จักรยาน GT คันแรกเป็นแบบ cross bike และยังมีแบบ Fullsuspension อีกด้วย ตอนนี้ฉันอายุ 59 และยังคงชื่นชอบอยู่กับการปั่นจักรยาน GT ของฉัน มันยังคงทนทานและน่ามั่นใจได้ในการออกแบบเฟรมที่มีคุณภาพ)
I have the GT Avalanche Comp 2014, this bike has higher spec equipment than similar bikes in the same price range. The bike handling is very crisp and sharp, if you want to kick out the rear and slide around you can with ease, due to the sporty/aggressive geometry including a slightly shorter chainstay length than most similar bikes. I have total confidence when riding it.
(ฉันมี GT Avalanche Comp 2014 จักรยานนี้มีอุปกรณ์ที่มีสเป็คที่สูงกว่าจักรยานที่คล้ายกันในช่วงราคาเดียวกันด้วย การบังคับขับขี่จักรยานก็ทำได้โดยง่ายเพียงแค่เข้าเกียร์และเคลื่อนที่ไปรอบๆก็ง่ายดายมันเหมาะกับทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นกีฬาหรือรูปทรงที่ดุดันมีขาตะเกียบหลังที่สั้นกว่าจักรยานอื่นๆ ฉันมีความมั่นใจมากขึ้นเวลาที่ขี่มัน)
7. Scott
ก็เป็นอีกแบรนด์หนึ่งนะครับที่ทางอเมริการู้จักกันดี ในบ้านเราก็อาจจะมีบ้างแต่ไม่เยอะ การออกแบบสวยงามครับ และคิดว่าประสิทธิภาพดีถึงได้ติดอันดับ 1 ใน 10 
Nino Schurter's Scott Spark RC 900

I believe Scott is at the top of the market I have a giant and a bianci and an iron horse and a few others none of these even come close to my Scott the components and the style are excellent when on my Scott it performes are smooth and feel great I have gotten all my complements when on my Scott love my Scott
(ฉันมั่นใจว่า Scott จะติดท้อปในตลาดจักรยาน ฉันมีทั้ง Giant และ Bianci และ Ironhorse bikes และอื่นๆอีกซึ่งไม่ค่อยจะได้เอามาขี่อีกเลย เจ้า Scott ของฉันมีส่วนประกอบและสไตล์ที่ยอดเยี่ยม เมื่อฉันได้ขี่มันก็ทำให้รู้สึกว่ามันไหลลื่นรู้สึกดีซึ่งนี่แหละมันใช่เลยสำหรับฉัน และฉันรักมันมาก)
I had a 2008 kona scrap it was a good solid bike but it was to heavy so I got rid of it and got a 2005 scott voltage yz3 it's custom the only things that are stock is the hubs and stem its light and rides smooth love this bike. There's a lot of great bikes out there it just depends on your preference.(ฉันมี Kona Scrap 2008 มันเป็นจักรยานที่ดีนะแต่มันหนักเกินไป ดังนั้นฉันจึงขายมันไปและซื้อ Scott Voltage yz3 2005 มันเป็นจักรยานแบบสั่งมันให้ความรู้สึกที่ดีในขณะที่ขี่มันฉันรักมันนะ และที่นั้น(ร้านค้า) ก็มีจักรยานมากมายให้คุณเลือกซึ่งขึ้นอยู่กับความชอบของคุณ)
8. Yeti
ไม่ใช่แก้วที่กำลังฮิตกันในบ้านเรานะครับ เป็นผู้ผลิตรายใหม่ที่เข้ามามีบทบาทมากขึ้นในตลาดจักรยานเสือภูเขา
2017 Yeti SB 5.5c

Probably too expensive and niche for people to know about, but these bikes should be WAAYY higher on the list, especially past Cannondale (mediocre/REI brand) and Marin (forgettable/boring).
(มันอาจจะเป็นเพราะราคาแพงเกินไปและทำมาเฉพาะเจาะจงสำหรับบุคคลที่รู้จักเท่านั้น แต่กระนั้นจักรยานยี่ห้อนี้ก็ดูจะดีกว่ายี่ห้ออื่นๆโดยเฉพาะ Cannondale (ระดับกลางและเป็น REI แบรนด์ คล้ายๆร้านสหกรณ์ของสหรัฐ) Marin (ไม่น่าจดจำ / น่าเบื่อ) 
All these other brands are big market brands that have literally broken in my years of experience. This inclufe Specialized and Trek. Thsee comanors are actually horrible. Yeti is manufactured in the USA to such a high standard. Its unbelievable. Cannondale is pretty good though.
(แบรนด์อื่นๆที่อยู่ในตลาดใหญ่นั้นสร้างความรู้สึกแย่ๆกับฉันในหลายๆปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะ Specialized และ Trek ซึ่ง Yeti ผลิตในประเทศสหรัฐอเมริกาเพื่อให้ได้มาตรฐานสูง มันน่าเหลือเชือ สุดท้าย Cannondale ก็ค่อนข้างดี

9. Merida
จักรยานเสือภูเขาที่บ้านเรารู้จักกันเป็นอย่างดี ตอนแรกคิดว่าจะไม่ได้รับการโหวตสะแล้วครับ ซึ่งอีกยี่ห้อหนึ่งก็คือ Bianci ที่ขายในบ้านเรา ก็ไม่ได้รับการโหวตเช่นกัน
2017 Merida One Sixty

Merida is a durable bike, better design, lightweight, reliable, and its components are much better parallel to its rival brands and models. And most of all, not a big bang on your pocket!
(Merida เป็นจักรยานที่ทนทาน, การออกแบบที่ดีมีน้ำหนักเบา, เชื่อถือได้และส่วนประกอบต่างๆดีกว่าแบรนด์และรุ่นอื่นที่เป็นคู่แข่ง และส่วนใหญ่ไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเงินในกระเป๋าของคุณ!)
I recently bought my Merida Big Nine 20D and I'm absolutely in love with the bike because of the ride quality it provides. It's indeed a marvelous piece of engineering: Ultralight, 29" tires makes you feel like a king, superb ride quality. And the 29" tires give a sort of confidence I've never had on a bicycle. I tried other brands before buying it but the big nine completely blew me away with the ride quality.. Big fan
(ฉันเพิ่งจะซื้อ Merida Big Nine 20D และแน่นอนว่าฉันรักมันมากเพราะมันมีประสิทธิภาพที่ดี ในส่วนวิศวกรรมที่น่าอัศจรรย์: ยาง Ultralight ขนาด 29 "ทำให้คุณรู้สึกเหมือนเป็นพระราชา, คุณภาพตอนที่ขี่ก็ดี และยางขนาด 29 นิ้วสร้างความมั่นใจให้ฉันอย่างที่จักรยานยี่ห้อไหนๆก็ไม่เคยให้ ฉันขี่จักรยานยี่ห้อื่นๆมาก่อนที่จะซื้อยี่ห้อนี้ และ Big Nine ก็ทำสำเร็จทำให้ฉันปลื้มปริ่มไปกับคุณภาพอันดีเลิศ พลาดไม่ได้ที่จะเป็น Big fan)
10. Kona
Kona Bikes เป็นบริษัทผลิตจักรยานที่ตั้งอยู่ใน Pacific Northwest. ก่อตั้งขึ้นในปีพศ. 2531 และยังคงเป็นเจ้าของโดย Dan Gerhard และ Jacob Heilbron ในแวนคูเวอร์, BC, สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ Ferndale, Washington, โดยมีสำนักงานกระจายสินค้าในแคนาดาที่แวนคูเวอร์และสำนักงานกระจายสินค้าในยุโรปในเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์


Great bikes, lots of fitment options, and they're built beautifully. I started off with a Giant Rainier (which I really liked), but when I graduated to a Kona Kahuna, the difference in both weight and usability was palpable. But... Buying a bike is a lot like buying a suit - it's not just about fashion, it's about the quality of the material, the quality of the accoutrements (i.E. the componentry), and MOST IMPORTANTLY, the fit.
(เป็นจักรยานที่ดี, มีตัวเลือกให้เลือกเยอะและออกแบบมาอย่างสวยงาม ฉันเริ่มต้นการปั่นจักรยานด้วย Giant Rainier ซึ่งฉันก็ชอบมันนะ แต่ฉันรู้สึกดีกว่ากับ Kona Kahuna มันเป็นแตกต่างทางด้านน้ำหนักและการใช้งาน แต่ ... การซื้อจักรยานเป็นเหมือนการซื้อชุดสูท - ไม่ใช่แค่เกี่ยวกับแฟชั่นเท่านั้น แต่ก็เกี่ยวกับคุณภาพของวัสดุคุณภาพของอุปกรณ์เสริม (เช่นส่วนประกอบ) และที่สำคัญที่สุดคือพอดีกับเจ้าของ
Bought a Kona Explosif in Grade 9. Still riding it today. Grade 9 was in 1991 for me. The bike has received various upgrades over the years and has always been stored indoors. It's a great bike and has served me very well. I grew up in a mountain town and rode that bike in some really gnarly terrain. I've since bought a Kona for my wife and she loves it! (ฉันซื้อ Kona Explosif ตอนอยู่เกรด 9 ในปี 1991และขี่มันจนกระทั่งตอนนี้ มันเป็นจักรยานที่ถูกอัพเกรดหลายอย่างและยังคงถูกเก็บไว้ในบ้านตลอดเวลา มันเป็นจักรยานที่ดีมากและใช้งานได้ดี ฉันเติบโตขึ้นมาในเมืองที่มีภูเขาและขี่จักรยานในสภาพแบบนี้อาจจะเป็นอันตรายและท้าทาย สุดท้ายฉันซื้อ Kona เป็นของขวัญให้กับภรรยาของฉันและเธอรักมันด้วย!)
The Calibre Bossnut

จบลงแล้วครับ นับว่ายาวมากๆสำหรับ ยี่ห้อจักรยานเสือภูเขาที่นิยมมากที่สุด จริงๆแล้วเป็นการตัดสินใจจากผู้ที่ใช้หรือซื้อไปใช้นะครับ ไม่ใช่การจัดอันดับจากเว็บไซต์จักรยานหรือการโฆษณาใดๆ ซึ่งสำหรับในประเทศไทยเราแล้ว ก็มีหลายยี่ห้อนะครับที่ติดอันดับยอดนิยมกับเขาดังนั้นการเลือกซื้อก็จะง่ายขึ้นนะครับที่จะตัดสินใจ และผมก็รู้ครับว่า ยี่ห้อในใจคุณมีอะไรบ้าง?

อ่านเพิ่มเติมได้ที่
https://www.thetoptens.com/best-brands-mountain-bikes/